วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

เซลล์ฟู้ด Cellfood : "น้ำแห่งชีวิต"

ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ดร.เอฟเวอร์เร็ต แอล. สตอรีย์ (Dr. Everett Lafayette Storey) หนึ่งในผู้นำกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งได้รับมอบภารกิจลับสุดยอดในโครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project) เพื่อการประดิษฐ์คิดค้นระเบิดไฮโดรเจน ท่านได้ตระหนักถึงผลกระทบของกัมมันตภาพรังสี ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการทดลองปฏิกิริยานิวเคลียร์ ว่ามีผลร้ายต่อสุขภาพและชีวิตของเพื่อนร่วมโครงการ รวมถึงตัวท่านเองซึ่งเจ็บป่วยจนน้ำหนักตัวลดลงไปถึงกว่า 30 กิโลกรัม ท่านได้เห็นผลการทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้จบชีวิตของประชาชนไปเป็นจำนวนมหาศาล รวมถึงผลที่ตามมาของกัมมันตภาพรังสีที่ทิ้งร่องรอยความเสียหายต่อมวลมนุษยชาติในยุคนั้น

ดร.เอฟเวอร์เร็ต แอล. สตอรีย์ ผู้ซึ่งแม้แต่ ดร.อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ยังกล่าวยกย่องว่าเป็น “อัจฉริยะในกลุ่มอัจฉริยะ” ท่านทุ่มเทความรู้ ประสบการณ์ซึ่งท่านได้ใช้ในระหว่างการประดิษฐ์ระเบิดไฮโดรเจนมาเพื่อคิดค้น สิ่งที่จะสามารถช่วยให้ร่างกายของมนุษย์มีสุขภาพดีขึ้นและเพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติสืบต่อไป โดยอาศัยเทคโนโลยีการแยกโมเลกุลน้ำ (Water Splitting Technology) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการจุดชนวนระเบิดไฮโดรเจนด้วยสารดิวทีเรียม ในปี ค.ศ.1956 ความพยายามของท่านก็สัมฤทธิ์ผล ท่านสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ซึ่งใช้สารดิวทีเรียมซัลเฟต (Deuterium Sulfate) เป็นส่วนประกอบในสารละลายได-เบส ได-โพล (Di-Base Di-Pole) ประกอบด้วยส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะตัว (Proprietary Formula) ซึ่งมีแร่ธาตุ 78 ชนิด เอ็นไซม์ 34 ชนิดและกรดอะมิโน 17 ชนิด ผลิตภัณฑ์นี้มี คุณสมบัติพิเศษในการช่วยให้เกิดการซ่อมแซมของเนื้อเยื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มออกซิเจนในระดับเซลล์ กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และสร้างความสมดุลของระบบต่างๆในร่างกาย

ท่านได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์นี้ว่า “เซลล์ฟู้ด” (CELLFOOD®) หรือ “น้ำแห่งชีวิต” (Liquid of Life)

หมายเหตุ ดร.เอฟเวอร์เร็ต แอล. สตอรีย์ ต่อมาได้จดลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์ CELLFOOD®ผ่านองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ “ดิวโทรซัลฟาไซม์” (DEUTROSULFAZYME) ในปี ค.ศ.1978 แต่ผลิตภัณฑ์นี้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของกองทัพสหรัฐฯ เนื่องจากมีส่วนประกอบที่สำคัญคือสารดิวทีเรียมซัลเฟต ซึ่งถือว่าเป็นสารยุทธปัจจัย จนกระทั่งปี ค.ศ. 1985 สภาสูงคองเกรสของสหรัฐฯ ได้มีบทบัญญัติ ดิวทีเรียมเพื่อเสรีภาพและสันติภาพ (Deuterium Freedom Act of 1985)ผลิตภัณฑ์นี้จึงมีโอกาสเผยแพร่สู่สาธารณชนได้

เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามิน สเปรย์



เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ คือ
ผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยีปรับรูปร่างโมเลกุลไวตามินให้สามารถซึมผ่านเซลล์ได้โดยตรง ใช้ง่ายเพียงสเปรย์พ่นใต้ลิ้น ประกอบด้วย ไวตามินที่สำคัญ 12 ชนิดที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน ในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม (หากขาดหรือได้รับน้อยเกินไป จะทำให้ระบบต่างๆของร่างกายผิดปกติ หรือเกิดโรคต่างๆได้)
เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ เหนือกว่าผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินชนิดอื่นทั้งหมด เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารไวตามินจาก เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ เข้าสู่เซลล์ได้โดยตรง โดยมีอัตราการดูดซึมสูงถึงกว่า 90% ทำให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่มีอยู่ได้เต็มที่ในทันที ลดการสูญเปล่าจากการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินโดยทั่วไป ซึ่งมักพบปัญหาร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อย อาทิ ไวตามินเสริมแบบเม็ดและแบบเจลแค็ปซูล ร่างกายดูดซึมได้เพียง 20% เท่านั้น
คุณสมบัติเด่น ด้านอัตราการดูดซึมของ  มัลติไวตามิน สเปรย์ นั้นเกิดจาก เทคโนโลยีล้ำยุค ที่มีชื่อว่า Photo Acoustic Resonance/ โฟโต้ อะคุสติก รีโซเนนซ์ ซึ่งเป็น เลเซอร์เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับการจดสิทธิบัตรคุ้มครองเป็นเอกสิทธิเฉพาะสำหรับ นูไซน์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ เท่านั้น  ด้วยเทคโนโลยีนี้ รูปร่างของไวตามินแต่ละโมเลกุลจะถูกปรับให้สามารถจับกับตัวรับของแต่ละเซลล์ได้อย่างพอดี โดยไม่ทำลายคุณประโยชน์ตามธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การที่เซลล์แต่ละเซลล์ได้รับและใช้ประโยชน์จากสารอาหารไวตามินอย่างเต็มที่
ส่วนประกอบ ไวตามินใน เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ สกัดจากส่วนผสมคุณภาพสูงตามธรรมชาติ ไม่มี สารเพิ่มเนื้อ สารยึดจับ สารเคลือบหล่อลื่น หรือสารปรุงแต่งใดๆ ที่มักมีอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินอื่นๆ จึงไม่ก่อให้เกิดอาหารแพ้


นอกจากนี้ เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ ยังปราศจากส่วนผสมของ แอลกอฮอลล์ น้ำตาล ยีสต์ หรือ กลูเทน
เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ ไม่มีสารต้องห้ามตามประกาศของสมาคมกีฬาต่างๆ
เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ ไม่ก่อให้เกิดอาการเสพย์ติด ไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกาย แม้รับประทานเป็นประจำ


เซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินอื่นๆอย่างไร
o ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้โดยตรง มีอัตราการดูดซึมสูงถึงกว่า 90% ทำให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่มีอยู่ได้เต็มที่ในทันที ลดการสูญเปล่าจากการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมไวตามินโดยทั่วไป ซึ่งมักพบปัญหาร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อย อาทิ ไวตามินเสริมแบบเม็ดและแบบแค็ปซูล ร่างกายดูดซึมได้เพียง 20% เท่านั้น
o ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่มี สารเพิ่มเนื้อ สารยึดจับ สารเคลือบหล่อลื่น หรือสารปรุงแต่งใดๆ
o ใช้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ไม่ชอบยาเม็ด หรือมีปัญหาในการกลืน
o ให้ไวตามินที่จำเป็นแก่ร่างกายครบถ้วนทั้งประเภทและปริมาณ
คุณประโยชน์ของเซลล์ฟู้ด มัลติไวตามินสเปรย์
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายในระดับเซลล์
ช่วยให้ร่างกายทำหน้าที่อย่างเป็นปกติ

ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด/บรรเทาอาการของโรคต่างๆ

เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ หรือ เอทีเอ็ม นูโค้ด


เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ หรือ เอทีเอ็ม นูโค้ด คืออะไร ?
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ เอ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการฟื้นสภาพเซลล์ ต้านความชรา(anti-aging) และความเสื่อม
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ประกอบด้วย
1) นิวคลีอิค แอซิค (Nucleic Acid : มีส่วนสำคัญในการสร้าง ดีเอ็นเอ และ อาร์เอ็นเอ)
2) อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต ( Adenosine Triphosphate – ATP : เอทีพี โมเลกุลพลังงานหลัก)
3) เมทิลกรุ๊ป (Methyl Groups : ตัวกำหนดกระบวนการแก่) แก่ร่างกาย ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดผ่านการใช้เลเซอร์เทคโนโลยีซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของนูไซน์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา เพื่อปรับรูปร่างโมเลกุลให้สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ได้โดยตรง ร่างกายจึงสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที
คุณประโยชน์ของเซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอได้แก่อะไรบ้าง
คุณประโยชน์หลังการใช้ต่อเนื่อง (ไม่ต่ำกว่า 90 วัน)
1. ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหลักๆลงได้ถึง 90%
2. ต้านความชราและความเสื่อม หมุนย้อนเวลาคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ทุกเซลล์ของร่างกาย
3. เพิ่มโอกาสการมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพขึ้นอีก 20-30 ปี
4. เพิ่มพลังงาน จากการใช้กลูโคสให้แก่เซลล์ได้ถึง 18 เท่า
ที่ว่า เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ สามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต จากโรคหลักๆ ลงได้ถึง 90% นั้น ทำได้อย่างไร
o การรับ เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ อย่างสม่ำเสมอในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 90 วัน จะช่วยลดระดับ
โฮโมซิสเทอีน (Homocysteine)
ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง รวมทั้งโรคที่สำคัญต่างๆ มากมาย
o โฮโมซีสเทอีน คืออะไร โฮโมซิสเทอีน คือ
ผลพลอยได้จากการที่ร่างกายมีการเผาผลาญกรดอะมิโน (หน่วยย่อยที่สุดของโปรตีน)โฮโมซิสเทอีน เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งสะสมอยู่ในกระแสเลือด และอาจไปขวางกั้นทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและสมอง
o โรคต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายมีปริมาณ โฮโมซิสเทอีน มากเกินไป ได้แก่อะไรบ้าง หลอดเลือดหัวใจและสมอง อัลไซเมอร์ ข้อเสื่อม มะเร็ง อ่อนเพลียเรื้อรัง หดหู่ เบาหวาน ปวดศีรษะ หัวใจวาย เป็นหมัน โรคอ้วน ครรภ์มีปัญหา ไทรอยด์ แผลเปื่อย เป็นต้น
o ระดับ โฮโมซีสเทอีน
ในเลือดปริมาณเท่าใดจึงจะอยู่ในระดับเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจาก โฮโมซิสเทอีน (หน่วยนับเป็น ไมโครโมลส์ต่อเลือด 1 ลิตร micromoles/litre)
ต่ำกว่า 6.3 = โอกาสเสี่ยงน้อยมาก
6.4 - 9.0 = โอกาสเสี่ยงน้อย
9.1 - 15.0 = โอกาสเสี่ยงสูง
+ 15.0 = โอกาสเสี่ยงสูงมาก
o ทุกๆ 5 ไมโครโมลส์ต่อเลือด 1 ลิตร ที่ระดับ โฮโมซีสเทอีน ในร่างกายลดระดับลง หมายถึงการที่เราสามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 50% และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ 26%
ที่ว่า เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ต้านความชรา และความเสื่อม หมุนย้อนเวลาคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ทุกเซลล์ของร่างกาย และเพิ่มโอกาสการมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพขึ้นได้ 20-30 ปี นั้น หมายความว่าอย่างไร
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ช่วยเพิ่ม กรดนิวคลีอิค (=เพิ่มดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ ซึ่งจะส่งผลให้การแบ่งตัวของเซลล์เพิ่มมากขึ้น และเป็นปกติ) และช่วยให้ชะลอกระบวนการการสูญเสีย เมทิลกรุ๊ป ในดีเอ็นเอ
o การแก่ทางชีวภาพ (biological aging)
นั้นได้ถูกกำหนดและวางโปรแกรมไว้แล้วโดยการค่อยๆสูญเสีย องค์ประกอบที่สำคัญของ ดีเอ็นเอ ที่เรียกว่า เมทิลกรุ๊ป (METHYL GROUPS) ไปเรื่อยๆ ซึ่งหากการสูญเสียมีถึง 40% จะทำให้เสียชีวิตลงจากความเสื่อมของร่างกาย
เมทิลกรุ๊ปแรกเกิด     อายุ 25 ปี        อายุ 50 ปี       อายุ 75 ปี          40%
อัตราการสูญสียเมทิลกรุ๊ป   10%         20%            30%             เสียชีวิต
o การสูญเสียเมทิลกรุ๊ปเกิดจาก สภาวะการมีอนุมูลอิสระมากเกินไป การรับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ การขาดการออกกำลังกาย การเป็นโรค ความเป็นพิษของสภาวะแวดล้อม บุหรี่ และการที่ร่างกชะลอการสร้างดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ
ช่วยปรับปรุงกระบวนการเมทิเลชั่นของดีเอ็นเอ ซึ่งส่งผลให้ชะลอหรือหยุดการลดจำนวนลงของเมทิลกรุ๊ป รวมทั้งยังช่วยเพิ่มกรดนิวคลีอิค (ซึ่งมีค่าเท่ากับการเพิ่ม ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ)ซึ่งจากการศึกษาเกี่ยวกับการมีอายุยืนพบว่าเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการมีอายุยืนขึ้นได้
ที่ว่า เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ เพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ จากการใช้กลูโคส ได้ถึง 18 เท่า นั้น หมายความว่าอย่างไร
o คุณสมบัติการเพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ เกิดจากการที่ ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ให้ อะดรีโนซีน ไตรฟอสเฟส หรือ เอทีพี
ซึ่งถือว่าเป็นโมเลกุลพลังงานหลัก เสมือนเป็นเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนการทำงานของเซลล์ ร่างกายเราได้พลังงานจากการแตกตัวของโมเลกุลของกลูโคส แต่หากปราศจากออกซิเจนการแตกตัวนั้นจะให้พลังงานเอทีพีเพียงแค่ 2 โมเลกุล แต่เมื่อได้มีการรวมตัวกับออกซิเจนจากเซลล์ฟู้ด โมเลกุลของกลูโคสแต่ละตัว จะแตกตัวออกเป็นเอทีพีได้สูงถึง 36โมเลกุลส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของพลังงานในระดับเซลล์อย่างมากมาย
o ร่างกายต้องการ เอทีพี เพื่อ :

1. สมรรถนะของการใช้กล้ามเนื้อและการฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว
2. การเสริมความแข็งแรงเกี่ยวกับหัวใจ
3. ระบบประสาท อาทิ การเรียนรู้ ความจำ การทำหน้าที่ของปอด การเสริมภูมิต้านทานในระดับเซลล์
4. การเสริมสมรรถภาพทางเพศ (โดยเฉพาะสำหรับชายที่เป็นเบาหวาน)
เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการฟื้นสภาพเซลล์อื่นๆอย่างไร

o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ
เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อฟื้นสภาพเซลล์เพียงหนึ่งเดียวที่รวมคุณประโยชน์ของ นิวคลีอิค แอซิค เบส (Nucleic Acid : มีส่วนสำคัญในการสร้าง ดีเอ็นเอ และ อาร์เอ็นเอ)อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต ( Adenosine Triphosphate – ATP : เอทีพี โมเลกุลพลังงานหลัก)เมทิลกรุ๊ป (Methyl Groups)และเซลล์ฟู้ดเข้าด้วยกัน
o สามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์และใช้ประโยชน์ได้ในทันที

จากเทคโนโลยีล้ำยุค ที่มีชื่อว่า Photo Acoustic Resonance/ โฟโต้ อะคุสติก รีโซเนนซ์ โซเนนซ์ ซึ่งเป็น เลเซอร์เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับการจดสิทธิบัตรคุ้มครองให้เป็นเอกสิทธิเฉพาะสำหรับนูไซน์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิต เท่านั้น เทคโนโลยีนี้จะทำการปรับเปลี่ยนรูปร่างโมเลกุลของสารอาหารแต่ละโมเลกุล ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ เข้าสู่เซลล์เพื่อใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ในทันที

รวมคุณประโยชน์สำคัญ 4 ประการเข้าด้วยกัน ในผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียว
o ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหลักๆ ลงได้ถึง 90%
o ต้านความชราและความเสื่อม หมุนย้อนเวลาคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ทุกเซลล์ของร่างกาย
o เพิ่มโอกาสการมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพขึ้นอีก 20-30 ปี
o เพิ่มพลังงาน จากการใช้กลูโคสให้แก่เซลล์ได้ถึง 18 เท่า
เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ เหมาะกับใคร
1. ผู้ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ และการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ
2. ผู้ที่ให้ความสำคัญต่อการคงความเป็นหนุ่มสาว
3. ผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงในระดับเซลล์เพื่อให้การรักษาทางการแพทย์ได้ผลดียิ่งขึ้น
4. ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ โฮโมซิสเทอีน
5. ผู้ที่ต้องการสร้างเสริมพลังงาน และความแข็งแรงในระดับเซลล์
6. ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ เซลล์ฟู้ด คอยลอยดัล มิเนอรัลเบรนด์ เป็นประจำและต้องการฟื้นสภาพเซลล์กำจัดพิษจาก โฮโมซิสเทอีน ต้องการหมุนย้อนเวลา ให้มีชีวิตยืนยาว และต้องการคุณประโยชน์จากการเพิ่มพลังเอทีพี
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ไม่เหมาะกับใคร
สำหรับผู้ที่มีสภาวะกรดยูริคสูง หรือเป็นโรคเก๊าท์ ไม่ควรได้รับการเสริมกรดนิวคลีอิค อย่างไรก็ตามปริมาณพิวรีนเบสที่มีอยู่ในเซลล์ฟู้ดดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ นั้น มีต่ำกว่าปริมาณที่จะไปเพิ่มความเสี่ยงของการมีกรดยูริคสูงขึ้น
o วิธีการใช้ เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ เขย่าขวดก่อนใช้ แล้ว สเปรย์
o เซลล์ฟู้ด ดีเอ็นเอ – อาร์เอ็นเอ ใต้ลิ้น 3 ครั้ง วันละ 2 เวลา ทุกวัน 1ขวดใช้ได้ 1เดือน
(ดีเอ็นเอ หมายถึง สารพันธุกรรมที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมของเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกชนิด) (อาร์เอ็นเอ หมายถึง สารพันธุกรรมที่ทำหน้าที่กำหนดการสร้างโปรตีนในสิ่งมีชีวิต)

เอทีเอ็ม สไปรูไลน่า พลัส : ผลิตจากฟาร์มเอิร์ทไรซ์ “Earthrise Farm”

สไปรูไลน่าหรือสาหร่ายเกลียวทอง รู้จักกันในวงการวิทยาศาสตร์ว่า ไซยาโนแบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกมานานกว่า 3.6 พันล้านปี พบได้ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ในอดีต ชาวพื้นเมืองใช้สไปรูไลน่าหรือสาหร่ายเกลียวทองเป็นอาหาร ช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น สุขภาพแข็งแรง ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น และช่วยดูแลสุขภาพร่างกาย

สไปรูไลน่า ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “สุดยอดอาหาร” เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ร่างกายสามารถได้รับสารอาหารครบถ้วนจากการบริโภคสาหร่ายสไปรูไลน่า

เอทีเอ็ม สไปรูไลน่า พลัส : ผลิตจากฟาร์มเอิร์ทไรซ์ “Earthrise Farm” ถือเป็นฟาร์มแรกที่ผลิตสไปรูไลน่าตั้งแต่ปี 1982 และเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดของโลกอยู่ทางอเมริกาเหนือ

การผลิตสไปรูไลน่าของฟาร์มเอิร์ทไรซ์ (Earthrise Spirulina production)

1.  คัดแยกสายพันธ์ของสไปรูไลน่าจากห้องทดลอง ให้ได้สายพันธุ์บริสุทธิ์เพียงสายพันธุ์เดียว นั่นคือ Spirulina platensis เพื่อนำมาเพาะเลี้ยง
2.  การเพาะเลี้ยงสาหร่ายของฟาร์มเป็นแบบธรรมชาติ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดวัชพืช
3.  การเพาะเลี้ยงแบบให้ฟองอากาศที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำ และเติมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย โดยไม่ใช้สารเคมีหรือปุ๋ยคอก ทำให้สาหร่ายที่เพาะเลี้ยงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบและคัดแยกเชื้อพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายออกจากการเพาะเลี้ยง ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ที่เรียกว่า Enzyme linked immunosorbant assay (ELISA) และ Protein phosphatase inhibition assay (PPIA) ทำให้มั่นใจได้ว่าสไปรูไลน่าที่เพาะเลี้ยงมีความบริสุทธิ์ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
4.  ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต ใช้เวลาลำเลียงจากบ่อเลี้ยงถึงสถานที่ทำแห้งที่เป็นอาคารปิดภายในเวลา 15 นาที
5. ทำให้แห้งอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการรักษาคุณค่าของสารอาหารให้คงอยู่อย่างครบถ้วน

คุณประโยชน์ด้านสุขภาพ 5 ประการ ของสไปรูไลน่า
1.  เพื่อความแข็งแรงของระบบภูมิต้านทาน
2.  เพื่อปรับปรุงระบบย่อยอาหาร
3.  เพื่อปรับปรุงระบบหลอดเลือดหัวใจ และลดคลอเรสเตอรอล
4.  เพื่อกระตุ้นกลไกการกำจัดของเสียตามธรรมชาติของร่างกายและการล้างพิษ (detoxification)
5.  เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยการต้านอนุมูลอิสระ

เอทีเอ็ม สไปรูไลน่า พลัส – บริสุทธิ์ ปราศจากสารปนเปื้อน 100%
ปราศจากสารกันบูด สารปรุงแต่งสี รส และสารที่ช่วยในการยึดเกาะทำให้เกิดความคงตัว

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

เอทีเอ็ม ออกซิเจล

สุดยอดความลับแห่งนวัตกรรมความงาม เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย สร้างขึ้นจากเซลล์เล็กๆ หลายล้านเซลล์ แม้ว่าผิวหนังจะมีน้ำหล่อเลี้ยง และมีความยืดหยุ่นอยู่แล้ว แต่ก็สามารถถูกทำร้ายได้จากมลภาวะแวดล้อมภายนอกและรังสียูวี ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างต้องการผิวพรรณที่แลดูอ่อนเยาว์ เนียนเรียบกระชับ และเปล่งปลั่งสดใส เซลล์ฟู้ด ออกซิเจล จึงเป็นสุดยอดของผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิว อุดมไปด้วยส่วนประกอบอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ให้คุณสมบัติในการฟื้นสภาพผิวที่สูญเสียความยืดหยุ่น ให้กลับแลดูเนียน กระชับ คงความเยาว์วัย

เอทีเอ็ม ออกซิเจล ประกอบด้วย
เซลล์ฟู้ด

สูตรการเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ ที่มีส่วนประกอบของแร่ธาตุ 78 ชนิด เอนไซม์ 34 ชนิด กรดอะมิโน 17 ชนิด และการแยกน้ำด้วยกระแสไฟฟ้า ช่วยบำรุงเซลล์ผิวอย่างล้ำ

อะโลเวร่า
พืชพรรณที่มีคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์ที่ได้รับการกล่าวขานไปทั่วว่า ช่วยบำรุงรักษา คงความชุ่มชื้น และเนียนนุ่ม สำหรับผิวสุขภาพดี และผิวเสีย

คาโมไมล์
ส่วนประกอบธรรมชาติที่ได้รับความนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าของยุโรป ด้วยคุณสมบัติซึมสู่เซลล์ผิว ที่ช่วยบำรุงรักษาและชำระล้างรูขุมขนได้อย่างหมดจด ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

ฟอสซิล  ออร์แกนิค
มีองค์ประกอบของส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ประกอบด้วย แร่ธาตุ กรดอะมิโน และกรดฮิวมัส เพื่อช่วยบำรุงรักษาผิวระดับเซลล์ภายใน

กลีเซอรีน
ความชุ่มชื่นจากธรรมชาติ กลีเซอรีนช่วยดูดซึมความชุ่มชื้นสู่ผิว เพิ่มความนุ่มละมุนและอ่อนโยน คืนความเปล่งปลั่งสดใสให้กับผิว และช่วยรักษาระดับความชื้นในผิวอีกด้วย


เอทีเอ็ม ออกซิเจล ช่วยคงความชุ่มชื้น คืนผิวกระชับ และเนียนนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ด้วยการเพิ่มออกซิเจน และความชุ่มชื้นตลอดกลางวัน และกลางคืน

วิธีใช้
ตอนเช้า : ล้างเจลออก ผิวหน้าของคุณจะรู้สึกสะอาดและสดชื่น แล้วค่อยๆ ทาเจลลงบนใบหน้าอีกครั้ง ส่วนประกอบต่างๆ จะช่วยปกป้องผิวจากสภาพอากาศตลอดวัน ผิวของคุณจะเริ่มกระชับในขณะที่เจลค่อยๆ แห้ง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทาผิวบริเวณอื่นๆ ที่ต้องการการฟื้นฟูอีกด้วย
ตอนเย็น : ล้างหน้าให้สะอาด ใช้นิ้วมือแต้มเจลเพียงเล็กน้อย และทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เน้นเฉพาะบริเวณใต้ตา ผิวของคุณจะเริ่มกระชับในขณะที่เจลค่อยๆ แห้ง ส่วนประกอบของ เอทีเอ็ม ออกซิเจล จะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นของสภาพผิวตามธรรมชาติอย่างล้ำลึกตลอดคืน

การใช้เป็นประจำ : สำหรับสภาพผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
คุณอาจหยดเซลล์ฟู้ด 1-2 หยด ลงใน เอทีเอ็ม ออกซิเจล แต่ไม่ควรหยด เซลล์ฟู้ด (เอทีเอ็ม คอลลอยด์ดัล มิเนอรัล เบลนด์) ลงในกระปุก เอทีเอ็ม ออกซิเจล โดยตรง ควรหยด 1-2 หยดลงในเนื้อเจลเพียงเล็กน้อย สำหรับการทาผิวหน้าแต่ละครั้ง หรืออาจใส่ในภาชนะสำหรับผสม เจลจะกลายเป็นน้ำมากขึ้น และแทรกซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อเซลล์ผิวของคุณ ด้วยประสิทธิภาพในการเพิ่มออกซิเจน และคืนความเปล่งปลั่งสดใสให้กับผิว